ร้าน คุณนายนิด  :  [โซน กรุงเทพฯ]
หน้าแรก
สินค้า
ประวัติการส่งสินค้า
แจ้งชำระเงิน
บทความ
เว็บบอร์ด
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อเรา

ยินดีต้อนรับ
Username:
Password:

สามารถใช้รหัสเดียวกันกับเว็บไซต์ uamulet.com ในการใช้งาน
จดจำฉัน
สถิติ
จำนวนสินค้า 12 ชิ้น
มีผู้เข้าชม 37476 ครั้ง
จำนวนหน้าเข้าชม 40698 หน้า
เปิดร้าน 16/01/2556
ปรับปรุงล่าสุด
<< ย้อนกลับ | ถัดไป >>
มารู้จักกับหลอด ( Tubes ) ( 4100 วันที่ผ่านมา )

 

หลอดหรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Tubes เริ่มผลิตขึ้นมาตั้งแต่ปี 1614 และมีการพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ ประมาณปี 1873 มีวิศวกรชาวเยอรมันชื่อ Professor Guthie ได้คิดค้นและพัฒนาจากหลอด ( Tubes) เป็นชนิดหลอดแวคคูอัม ( Vacuum Tubes ) ในปี 1883 อีก 10 ปีต่อมาได้มีนักคิดค้นและนักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน ชื่อ โทมัส เอดิสัน ( Thomas Edison ) การคิดค้นและพัฒนาของเขาต่อมากลายเป็นที่รู้จักในนาม เอดิสัน เอฟเฟ็ค (Edison Effect ) การทดลองของเอดิสัน ( Edison ) เกิดขึ้นอีกมากมายรวมทั้งนักวิชาการด้านวิศวะไฟฟ้าท่านอื่นๆ เช่น Preece, Ambrose Fleming และอีกหลายๆท่าน การคิดค้นต่างๆเหล่านี้เปรียบเสมือนเมล็ดพันธุ์พืชที่สามารถเติบใหญ่ ขยายพันธุ์ต่อไปซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการคิดค้นสิ่งใหม่ให้แก่คนรุ่นหลังต่อมา

วิทยุหลอดเยอรมนี ( Germany Tube-Radio )

ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศเยอรมนีเป็นผู้นำด้านการผลิตและส่งออกวิทยุ แต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงหลายโรงงานได้ถูกทำลายไป รวมทั้งข้อจำกัดต่างๆของฝ่ายพันธมิตรทำให้อุตสาหกรรมการผลิตวิทยุของเยอรมนีต้องปิดตัวลงเป็นจำนวนมากและไม่สามารถฟื้นฟูและพัฒนาระยะหนึ่ง 

ปี 1950 ยุคเฟื่องฟูของวิทยุเยอรมนีกลับมาอีกครั้ง

ระหว่างปี 1949-50 ระบบความถี่ FM ถูกนำเข้ามาในประเทศเยอรมนีโดยถูกเรียกเป็นภาษาเยอรมันว่า UKW ( Ultra Short Wave) ซึ่งมีช่วงความถี่ของคลื่นตั้งแต่ 88.5-100 MHz ลักษณะของตัวตู้หรือโครงสร้างของวิทยุยุค 1940-1950 จะมีรูปหรือลักษณะคล้ายกัน เช่น ที่ปรับจะอยู่ด้านข้างของตัวตู้ทั้งหมด ระบบความถี่จะเป็นชนิด AM ทั้งหมด และวิทยุส่วนใหญ่จะมีหลอดตาแมว ( Magic Eye Tubes) หลอดโลหะ ( Metal Tubes) ของ Telefunken และหลอด Rimlock เริ่มถูกนำมาใช้

ช่วงต่อมา ในปี 1950-1955 เป็นยุคทองของวิทยุชนิดใช้หลอด คือในปี 1951 ประเทศเยอรมนีได้เริ่มผลิตวิทยุระบบ AM/FM Receiver และเพิ่มเติมช่องต่อสายสัญญาณ เช่น สามารถต่อเพิ่มลำโพง ( speaker ) ต่อเครื่องเล่นแผ่นเสียง ( Tunetable ) และต่อเครื่องเล่น คาเซ็ทเทป ( cassette tape ) หรือ เครื่องเล่น CD ในปัจจุบันนี้ได้ โดยไม่ต้องดังแปลง หรือเพิ่มเติมใดๆทั้งสิ้น ส่วนสายสัญญาณที่จะนำมาต่อกับเครื่องเล่นที่กล่าวมานี้มี 3 ชนิด คือ 1.ชนิดแบบบานาน่า ( Banana ) 2. ชนิดแบบแจ็ค 3 ขา 3. ชนิดแบบแจ็ค 5 ขา ซึ่งต่อมาได้มีการพัฒนาระบบมีการปรับปรุงช่วงเสียงและมีการขยายช่วงความถี่คลื่นวิทยุ FM สูงขึ้น ในปี 1954 Max Grundig ได้คิดค้นระบบ 3D Sound ซึ่งมีลำโพง ( speaker ) เพิ่มมาด้านข้าง ในปีต่อๆมามีการแข่งขันในด้านของคุณภาพเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ระบบ Sound-Compressor ผลิตโดยบริษัท Greatz และบริษัท Nordmende, ระบบเสียง Ironless Sound Amplifier ผลิตโดยบริษัท Phillips จากประเทศเนเธอแลนด์, ระบบ Equalizer จากบริษัท Grundig เป็นต้น นอกจากนั้นบริษัท Saba ยังนำเสนอแบบ 6 Speaker ในเครื่องเดียวซึ่งมี EL84 Push-Pull Amplifier และอื่นๆอีกมากมาย ที่น่าประทัยใบมากคือ ระบบ Syntektor จากบริษัท Korting นำเสนอ FM-Tuner ความละเอียดและประสิทธิภาพสูงอีกด้วย

ต่อมาช่วงกลางยุค คือประมาณปี 1955 เริ่มผลิตชนิด Standard Noval-Tube Sets ซึ่งประกอบด้วยหลอด : ECC85, ECH81, EABC80, EL84, EZXX Rectifier Tube และหลอดตาแมว EM80 มาแทน EM34, EM35 นำมาติดตั้งในวิทยุขนาดใหญ่ เช่น Siemens Schatulle M57, P48, SABA Freiburg Automatic 3DS, Grundig 5040

ในช่วงครึ่งหลังของยุค 1950 ไปจนเริ่มยุค 1960 ผู้ผลิตบางรายเริ่มผลิตวิทยุที่มีขนาดเล็กๆ สำหรับตั้งไว้ในห้องครัว ห้องเด็กบ้าง มีวิทยุสวยๆและคลาสสิคขนาดเล็ก เช่น Philips Philette, Telefunken Jubilate, Nordmende Elecktra, Loewe Opta Bella และ Grundig Type 97 และใช้หลอดตาแมวชนิด Magic Bar EM84 ในส่วนของวิทยุที่มีขนาดใหญ่ถูกคิดค้นเป็นช่องทางใหม่ขึ้นมา เพื่อพัฒนาระบบซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดระบบ Stereo แต่ระบบ Full Stereo ที่เป็น Built-in Decorder รวมทั้ง RF นั้นยังไม่มีปรากฏจนกระทั่งปี 1963 และมีการออกแบบตัวตู้ให้มีลำโพง ( speaker) ด้านข้างของตัวตู้ เพื่อแบ่งแยกระบบเสียงให้เหมาะสมและดีขึ้น ส่วนของตัวตู้ส่วนมากทำมาจากไม้วอลนัท ( Walnut ) รูปแบบสไตล์ยุโรปเหนือ ( Nordic Style ) ซึ่งมีความสวยงามเป็นที่นิยมมากในเยอรมนีและส่งออกไปยังทั่วโลกจะเห็นได้จากยี่ห้อ SABA Villingen De Luxe, Saba Konstanz Stereo, Loewe Opta Toronto Stereo เป็นต้น

ตั้งแต่ปี 1960 เป็นต้นมาระบบความถี่ FM ถูกขยายให้สูงขึ้นมาถึง 104 MHz และสูงถึง 108 MHz ในปีหลัง ต่อมาช่วงกลางปี 1960 หรือ 1965 ระบบ AM/FM Receiver ถูกนำมาใช้พร้อมกับตัว External Speaker มีหลอดใหม่ๆเพิ่มขึ้น เช่น ECLL80 ถูกพัฒนาขึ้นมาใช้ใน Receiver และต่อมายุคการใช้วิทยุแบบหลอดเริ่มสูญหายไป โดยการแทนที่ด้วยระบบทรานซิสเตอร์ ( Transistor )

ความคิดเห็นส่วนตัว สำหรับวิทยุของเยอรมนี ( Germany ) สไตล์ยุโรปเหนือ ( Nordic Style ) ชนิดหลอด

  1. เป็นวิทยุที่มีรูปแบบสวยงาม
  2. ให้เสียงที่ไพเราะฟังสบาย
  3. มีอะไหล่สำหรับซ่อมเวลาเครื่องเกิดมีปัญหา และในบ้านเรามีช่างที่มีความชำนาญในการซ่อมแซมเครื่องชนิดใช้หลอดได้เป็นอย่างดี
  4. มีหลายขนาดให้เลือกและราคาเหมาะสมกับคุณภาพ
  5. สามารถฟังเสียงเพื่อความเพลิดเพลินและเป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับหรือตกแต่งบ้านได้สวยงาม
  6.  
คำค้น : หลอด, Tubes