ร้าน ดี2 วินเทจ  :  คือ ดำพระราม2 [โซน ภาคตะวันออก]
หน้าแรก
สินค้า
ประวัติการส่งสินค้า
แจ้งชำระเงิน
บทความ
เว็บบอร์ด
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อเรา

ยินดีต้อนรับ
Username:
Password:

สามารถใช้รหัสเดียวกันกับเว็บไซต์ uamulet.com ในการใช้งาน
จดจำฉัน
สถิติ
จำนวนสินค้า 244 ชิ้น
มีผู้เข้าชม 936541 ครั้ง
จำนวนหน้าเข้าชม 1128194 หน้า
เปิดร้าน 29/02/2555
ปรับปรุงล่าสุด
LOUIS VUITTON ( 3945 วันที่ผ่านมา )

 

"วันนี้จะเล่าประวัติที่น่าแล้งแค้น ของผู้ชายที่ชื้อ LOUIS VUITTON ให้ฟัง" 

 หนุ่มน้อยที่เดินทางด้วยเท้าเปล่าเพื่อมากรุงปารีสถึง 292 ไมล์

LOUIS VUITTON เกิดในช่วงปี 1822's  ปัจจุบันมีอายุ 190 ปี เราลองมาอ่านประวัติที่น่าสนใจของเค้าดูครับ

 

....หากจะเอ่ยถึงชื่อ Louis Vuitton ทุกคนคงจะนึกถึงแบรนด์แฟชั่นชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า เสื้อผ้าหรือรองเท้า ถึงแม้ว่าราคาของมันจะสูงลิบลิ่ว จนได้แต่มองอย่างท้อถอยในโชคชะตาบวกกับความเจ็บใจ (ถึงขนาดเก็บไว้ในใจว่า "วันหนึ่งฉันต้องทำได้ " ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่การชิงชัยเหรียญ ในโอลิมปิกแต่อย่างใด) เพราะได้สร้างความคับแค้นใจด้วยความอิจฉาเมื่อคนอื่นได้ใช้ของที่ช่างหรู หรา บ่งบอกรสนิยมเสียนี่กระไร แต่เราเพียงได้แค่มอง ในโลกนี้มีแบรนด์ไม่น้อยเลย เกิดขึ้นเรื่อยๆ แต่ที่ยังคงรักษาได้เนิ่นนานขนาดนี้ได้ต้องยอมรับเชื้อสายของเค้าจริงๆ  ทุกวันนี้คงเป็นแบรนด์ที่มาค่ามากมาย   ที่สาวๆ หรือ หนุ่มๆ ชาวเชแลปฯทั้งหลาย ต่างใฝ่ฝันถึง มากที่สุดในยุคนี้ และ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาถือว่าเป็นเดือนเกิดของชายผู้ยิ่งใหญ่ นามว่า หลุยส์ วิตตอง  ผ่านมาได้ถึง 190 ปี ในรูปแบบลายที่ยิ่งใหญ่ ที่น้อยคนที่จะไม่รู้จัก


กว่าจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ เขาต้องเพียรพยายามอย่างหนัก เพราะชื่อเสียงทุกวันนี้ของ หลุยส์ วิตตอง ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแน่นอน

......ขอเข้ามาสู่ประวัติของชายผู้เปลี่ยนของธรรมดาให้ กลายเป็นทรัพย์สิน ที่มีค่ามหาศาลในปัจจุบัน เพื่อระลึกถึงคนที่ปัจจุบันนี้โลกต้องจารึกไว้ และ น่าจดจำเป็นที่สุด

....ลองตามมาครับ....
 

จุดเริ่มต้นของ Louis Vuitton

....Louis Vuitton ผู้ให้กำเนิดแบรนด์ชื่อเดียวกับตัวเองนี้ เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1821 ที่เมือง ออเช ( Anchay) ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ เป็นย่านคนจนซึ่งสมัยนั้นแล้งแค้นมาก อยู่ทางทิศตะวันออกของภูเขาในประเทศฝรั่งเศส บรรพบุรุษของวิตตองนั้นเป็นช่างไม้ ชาวนาและช่างทำหมวกสตรี พ่อของวิตตองคือ Xavier Vuitton นั้นเป็นชาวนา ส่วนแม่ของเขา Coronne Gailard เป็นช่างทำหมวกสตรี แต่เมื่อแม่ของวิตตองเสียชีวิตในขณะที่เขาอายุได้เพียง 10 ขวบ พ่อของเขาก็แต่งงานใหม่ ชีวิตในช่วงนี้ของเด็กชายวิตตอง ช่างไม่ต่างกับชีวิตของซิลเดอร์เรลล่าน้อยเลยก็มิปาน เพราะแม่เลี้ยงของเขาเป็นเป็นแม่เลี้ยงที่ใจร้าย (ประวัติคนสำคัญๆของโลกส่วนมากจะคล้ายลิเก กาลิทาส มหากวีเอกของโลก ผู้ประพันธิ์บทที่คนไทยรู้จัก คือ "ศกุลตลา " ก็คล้ายๆแบบนี้ หรือ เชคเปีย ก็เช่นกัน คนเหล่านี้ชีวิตคล้ายๆกัน ฮิตเล่อ , ประธานเหมา ก็คล้ายๆกัน)

...เมื่อชีวิตดั่งนิยายแล้วแต่ก็ต้องคงดำเนินต่อไป....ดังนั้นทำให้ทั้งสองมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยครั้ง และวันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิที่อากาศแจ่มใส เด็กชายวิตตองที่ขณะนั้นอายุได้ 13 ปี ก็ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน เขาต้องการเดินทางไปยังเมืองปารีส วิตตองเดินทางออกจากบ้านด้วยการเดินเท้า (อ่านแล้วอย่าเพิ่งน้ำตาไหล ต้องรีบจัดหา LOUIS ราคาสัก 3-5 หมื่นมาใช้สักใบ)  เขาใช้เวลาถึงสองปีกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง และระหว่างเดินทางเขาก็รับจ้างงานเล็กๆ น้อยๆ  เพื่อเป็นค่าเดินทางและค่าอาหาร รวมระยะการเดินทางของวิตตองที่เดินทั้งหมดกว่า 292 ไมล์ เมื่อถึงปารีสดังต้องการแล้ว วิตตองได้เข้าไปเป็นเด็กฝึกงานกับผู้ทำกระเป๋าเดินทางอันเลื่องชื่อนามว่า Monsieur Marechal   ในศตวรรษที่19 การทำกล่องหรือกระเป๋าสำหรับเดินทางถือเป็นงานฝีมือชั้นสูงแขนงหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นโชคดีของวิตตองที่ได้เข้ามาฝึกฝีมือที่นี่ (สูตรสำเร็จของเศรษฐีทั่วโลก ได้ทำงานกับคนรวยๆ จอมยุทธขั้นสูง กระทิงดองก็ใช่ ทำบริษัทยา ส่งยา , เบียร์เช้า ก็ลูกจ้างในโรงสี , เบียร์สังห์มหาดเล็กชงสุรา)

.....หลังจากเข้ามาอยู่ในปารีสได้สิบหกปี (2 ธันวาคม 1851) เป็นช่วงที่ นโปเลียนที่3 ขึ้นครองราชย์และวิตตองได้มีโอกาสเข้าไปทำกระเป๋า ให้กับราชินี Eugenie de Montijo และเหล่าภรรยาขุนนางชาวสเปน ในพิธีแต่งงาน และฝีมือที่ประณีตของวิตตองในการทำกระเป๋าก็โด่งดังขึ้นมา

 

....ในปี 1854 ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของวิตตองเป็นอย่างมาก วิตตองได้พบสาวงามอายุ 17 ปี นามว่า Clemence- Emilie Parriaux และทั้งสองก็ได้แต่งงานกันในช่วงฤดูใบไม้ผลิ วันที่ 22 เมษายน 1854 และเมื่อแต่งงานได้หนึ่งเดือน วิตตอง ก็ตัดสินใจย้ายออกจากร้านของ Monsieur Marechal
เพื่อออกไปเปิดกิจการเป็นของตนเอง โดยมีคติอย่างหนึ่งในการทำงานคือ

"Securely packs the most fragile objects.Specializing in packing fashions."

.... เมื่อเปิดร้านได้นานถึงสี่ปี ในปี 1858 ได้คิดทำกระเป๋าเดินทางขึ้นใหม่โดยใช้ผ้าใบแทนหนัง ทำให้ได้กระเป๋าที่มี น้ำหนักเบากว่า คงทนกว่า และยังสามารถกันน้ำได้เหมือนกัน นอกจากนั้นรูปแบบของกระเป๋าเดินทางยังได้เปลี่ยนไปเป็นแบบสี่เหลี่ยมด้วย (กระเป๋ารุ่นเก่าจะมีลักษณะเหมือนโดม) ทำให้สามารถวางซ้อนกัน ได้ซึ่งสะดวกเป็นอย่างมากต่อการขนส่งทางเรือหรือรถไฟ นอกจากนี้กระเป๋าของวิตตองยังมีดีไซน์ที่สวยงามและนำสมัยอีกด้วย

...เนื่องจากการเดินทางเริ่มสะดวกสบายขึ้นทำให้มีผู้คนเดินทางกันมาก กิจการกระเป๋าเดินทางของวิตตองจึงประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เขาจึงขยายโรงงานผลิตที่ Asnieres หมู่บ้านนอกกรุงปารีส ธุรกิจของวิตตองเฟื่องฟูมาก เขาไม่ได้ทำสินค้าให้กับราชวงศ์ฝรั่งเศสเพียงอย่างเดียว เพราะ Isama’il Pasha, the Khedive แห่งอียิปต์   ก็กลายเป็น ลูกค้าคนสำคัญของวิตตองด้วย แต่แล้วกิจการและธุรกิจอันรุ่งโรจน์ของเขาก็ต้องประสบภาวะลำบาก เมื่อเกิดสงครามระหว่างฝรั่งเศสและรัสเซีย อีกทั้งหลังจากนั้นก็เกิดสงครามกลางเมืองเพื่อล้มล้างราชวงศ์ โรงงานของวิตตองที่ Asnieresได้ถูกทำลายจนเสียหายทั้งหมด และอุปกรณ์ทั้งหมดในการทำกระเป๋าก็ถูกขโมยไปจนหมดอีกด้วย

 ...แต่ด้วยความมุมมานะไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา วิตตองระลึกถึงตัวเขาเองในวัยเยาว์ที่ตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านมาปารีสด้วยการเดินเท้ากว่าหลายร้อยไมล์
วิตตองจึงทุ่มเทแรงกายและแรงใจของตนเองเพื่อสร้างร้านของเขาขึ้นมาใหม่อีกครั้งและร้านใหม่นี้ก็ยังมุ่งเน้นที่จะทำสินค้าที่สื่อถึงความหรูหราและแฟชั่นชั้นสูงอีกด้วย.

...และในปี 1872 วิตตองก็นำเสนอกระเป๋าเดินทางที่ใช้ผ้าใบสีเบจกับริ้วสีแดงซึ่งนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความหรูหราและแฟชั่นชั้นสูงของแบรนด์หลุยส์ วิตตอง

 

....ในและปี 1885 วิตตอง ได้เปิดร้านของเขาแห่งแรกที่ลอนดอน และต่อมาในปี 1888 เขาก็ผลิตกระเป๋าที่มีแบบ Damier (มีแพทเทิร์นเป็นลายตารางหมากรุกสีน้ำตาลเข้มและอ่อน) ซึ่งลายกระเป๋าแบบนี้ยังคงเป็นที่นิยมมาจนถึงทุกวันนี้ กว่ายี่สิบปีที่วิตตองดูแลกิจการจากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง เขาผลิตกระเป๋าที่มีคุณภาพ หรูหราและคงทน จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 1892 และกิจการของเขาก็ได้ Georges Vuitton เข้ามารับช่วงต่อแทน 

ที่เหลือเชื่อคือแรงผลักแรงๆ ความแล้งแค้น กลายเป็นแรงสะท้อน การเดินทางไกล ด้วยเท้าเล็กๆ ไม่รู้จะพบอะไร ข้างหน้าแต่ก็ยังเดินฝ่าไป จึงทำให้เกิด ผู้ชายที่ทำให้โลกตะลึง ชายผู้มุ่งมั่นไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคสมญานามว่า  " หลุยส์ วิตตอง"

...หนึ่งชีวิตเกิดมาบนโลกย่อมต้องอยากฝากอะไรไว้ให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึง บางคนฝากสิ่งที่เลวร้ายไว้ให้คิด บางคนฝากความดีไว้ให้คนคะนึงหา

นี่เป็นเพียงเล็กๆ จุดแรกเริ่มของแบรนด์อันก้องโลก ทุกแบรนด์

แม้แต่คนก็เช่นกันถ้ามัวแต่กล้าๆ กลัว ๆ มัวแต่ทำเพื่อคนอื่นไม่ทำประโยชน์ของตนที่ควรทำจริงๆสักที  หิตาสุขาวหํ  

จงระวังเถิดชีวิตนี้แค่เพียง 2 หมื่นกับอีก 1 พัน กับ 400 วัน ก็จะหมดไปอย่างไร้ค่า

 

......ดังคำในบทประพันธ์เพลงที่ว่า    

คนเราหนึ่งคน ชีวิตยาวนานเท่าใด มีแรงอย่างไร ก็ไขว่คว้าไป

สองหมื่นหนึ่งพันกับร้อยวัน มันนานแค่ไหน ใจยังจะหมายอะไรอีก "

 

 (60 ปี ชีวิตคนแค่ 2 หมื่นกว่าวันแค่นี้เอง)

 

.....สวัสดีครับ.......

 

ขอขอบคุณ บทความของ  ชิต บูรพา  มา ณ ที่นี้ด้วยครับ


 

 

 

 

 

คำค้น :