++++วันนี้เรามาพูดถึงกันต่อเกี่ยวกับครีมกันแดดค่ะ
++++เราลองมาทบทวนความรู้กันเล็กน้อย ให้กับสาวๆหรือหนุ่มๆได้ทราบกันน่ะค่ะ
*SPF และ PA ไม่ใช่สาร เป็นแค่ตัวเลขบอกประสิทธิภาพในการกันรังสียูวี
*SPF บอกค่ารังสี UVB ไม่ได้บอกว่ากันแดดนั้นสามารถกันรังสี UVA ได้แต่ประการใด
*ค่า SPF สููง ไม่ได้หมายความว่าจะดีเสมอไปเพราะว่าถ้าคุณทาน้อยกว่าปริมาณที่ควรทา มันก็น้อยกว่าตัวเลขที่กำหนดไว้อยู่ดี
*ควรคำนึงเรื่องการหลุดของครีมกันแดด เพราะเหงื่อ และการเสียดสีของผิว
*การใช้ SPF สูงทำให้คนเรามั่นใจเกินไปและเข้าใจผิด และทำให้อยู่กลางแดดนานไป ส่งผลให้ผิวเสียและเป็นมะเร็งได้ (มันเสื่อมสลายได้ค่ะ)
**กันแดดไม่ใช่กาว ทาแล้วก็หลุดอลอกได้บ้าง ดังนั้นควรทาซ้ำทุก 1-2 ชั่วโมง
ต่อไปเราจะมาพูดถึง PA เพื่อนๆอาจจะคุ้นคำนี้แต่อาจจะยังไม่รู้ความหมายของมันที่แท้จริงเลย
เพราะปกติแค่เราเลือก SPF จากครีมกันแดดก็ยากพออยู่แล้ว กลับต้องมาเจอคำว่า PA แล้วมันใช้วัดอะไรกันน่ะ
วันนี้ี Dr.Cosmet มีคำตอบค่ะ ....
PA(Protection of UV-A) หรือค่าการปกป้องรังสี UV-A
PA คือ การวัดการเปลี่ยนแปลงของ Skin pigmentation หรือวัดความดำของผิวที่เปลี่ยนแปลงไป หลังสัมผัสกับ UV-A โดยตัวบ่งชี้วัดการปกป้องของผลิตภัณฑ์จะเป็นช่วง ตั้งแต่ 1- 8
โดย 1 มีค่าน้อยที่สุด
ค่า PA ประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ริเริ่มนำมาใช้แพร่หลายอยู่ในเอเซีย
ค่า PA จะสัมพันธ์กะเครื่องหมาย +
PA+ = 1-3
PA++ = 4-5
PA+++=6-8
PA+ สำหรับผู้ที่ต้องการการปกป้อง จากกิจกรรมทั่วไป (อาจไม่ได้เจอกับแสงแดดมาก)
PA++,PA+++ สำหรับผู้ที่ต้องการ การปกป้องสูง (เจอกับแสงแดดเป็นเวลานานๆ)
------เพราะฉะนั้นเนี่ย สำหรับใครที่ต้องเจอกับแสงแดดเป็นเวลานานๆหลายชั่วโมงให้เลือกใช้ PA++ หรือ PA+++ ก็ได้ค่ะ
------คราวนี้เพื่อนๆก็ได้ทราบกับแล้ว ทุกครั้งก่อนการออกแดดทุกครั้งอย่าลืมทาครีมกันแดดทุกครั้งน่ะค่ะ หากไม่ใส่ใจตรงนี้แล้วผลที่ตามมาคือความหมองคล้ำและมะเร็งอีกด้วยค่ะ
------ด้วยความห่วงใย จาก Dr.Cosmet
ขอขอบคุณข้อมูลจาก นพ.ประวิตร พิศาลบุตร