แว่นตากันแดด Serengeti เป็นแว่นตากันแดดที่มีคุณภาพและใช้เทคโนโลยีสูงในการผลิต (แน่นอนว่า ราคาก็ย่อมสูงตามไปด้วย) หรือเรียกสั้นๆ ว่า “high-end” ครับ โดยมีหลักการดำเนินงานคือการวิจัยและพัฒนา (R&D) เทคโนโลยีอันทันสมัยเสมอๆ เพื่อถนอมดวงตาของผู้สวมใส่
แว่นตากันแดด Serengeti ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท Corning (เป็นบริษัทอเมริกัน ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมแก้ว และเซรามิค มาตั้งแต่ปี 1851) ในปี 1984 โดยมุ่งเน้นไปที่แว่นกันแดดสำหรับสวมใส่ยามขับขี่รถ แต่แล้วไม่นานบริษัท Corning ก็ได้ตัดสินใจที่จะยุติการดำเนินงานของแว่นกันแดด Serengeti เนื่องจากมีผลประกอบการที่ตกต่ำ
อย่างไรก็ตาม Zaki Mustafa อดีตรองประธานบริษัทฯ เชื่อว่าเขาจะสามารถรักษาการดำเนินงานในส่วนนี้ไว้ได้ โดยเริ่มจากการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์เป็นศูนย์กลาง ปรับปรุงการตลาดที่ไม่ดี จัดการสินทรัพย์ที่ไม่มีประสิทธิภาพอันเป็นสาเหตุของความตกต่ำ โดยการแก้ปัญหาในครั้งนั้น ใช้พนักงานเพียงห้าสิบสองคน (ที่เหลือ) เท่านั้น และสามารถทำยอดจำหน่ายได้จนประสบความสำเร็จ จากการขาย 5 ล้าน USD ในปี 1985 จนกลายเป็น 62 ล้าน USD ได้ในปี 1992
ในปี 1995 บริษัท Corning ตัดสินใจที่จะขายธุรกิจแว่นกันแดดทิ้ง โดยขณะนั้นมี Vivian L. Gernand เป็นผู้อำนวยการและมีแนวคิดที่จะสร้างแบรนด์ให้เป็นระดับ “high-end” มากขึ้น โดยการใช้เทคโนโลยี และวัสดุระดับสูง เช่น ใช้ Titanium ในการผลิตกรอบแว่น (พ่อค้าก็ใช้อยู่ครับ แถมชอบนั่งทับจนบิดเบี้ยวบ่อยๆ ก็ดัดๆ เอา ไม่ยักกะเป็นอะไร ถ้าเป็นโลหะอื่นต้องขาดคามือไปแล้ว) เลนส์ photochromic เลนส์ polarized เทคโนโลยี spectral control ทั้งเจาะไปที่กลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุน้อยลง โดยประชาสัมพันธ์ผ่านทางกีฬาชนิดต่างๆ สามารถกระตุ้นยอดจำหน่าย และสร้างกำไรขั้นต้นได้ถึง 35%
หลังจากนั้น Serengeti (Corning Optics) ก็เป็นแว่นประจำตัวของคนอเมริกันหลายล้านคน
แบรนด์ Serengeti ถูกซื้อกิจการโดยบริษัท Bushnell บริษัทสัญชาติอเมริกัน ในเดือนกันยายน ปี 2000 ดังนั้นแว่น Serengeti ไม่ว่าจะงานรุ่นเดิม หรือรุ่นใหม่ ก็ยังเป็นอเมริกันแบรนด์อยู่อย่างเหนียวแน่น แค่หลังจากปี 2000 ขึ้นมา จะไม่มีคำว่า “Corning Optics” ที่ขาแว่นอีกต่อไป และมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม ทันสมัยขึ้น แต่ยังคงเต็มไปด้วยเทคโนโลยี และวัสดุระดับสุดยอด โดยฐานการผลิตหลักๆ จะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น (พ่อค้าแอบชอบงานญี่ปุ่นมากกว่าครับ)
